รับลงโปรแกรม Windows Xp Windows 7 Office2003 Office2007

ค่าบริการนอกสถานที่เริ่มต้นที่ 400 บาท รับลงโปรแกรม Windows Xp Windows 7 Office2003 Office2007 ดูแลเครื่องคอมพิวเตอร์ จัดออกแบบห้องคอมพิวเตอร์ ตามสำนักงาน หรือโรงงาน ดูแลระบบแลนด์ Nekwork ประจำสำนักงาน Office หอพัก อพาร์ทเม้นท์ แมนชั่น เดินสายแลนด์ ตามชั้นต่าง ๆ วางระบบในสำนักงาน และแก้ไขระบบให้ดีกว่าเดิม รวม wifi wireless งานเกี่ยวกับเว็ปไซค์ ดูแลและอัพเดตเว็ป จดทะเบียนโดเมนเนม การอัพโหลดข้อมูลขึ้น Internet TEL. 083 - 792 - 5426

รับจัดทำเว็บไซด์

บริการโปรโมทเว็บไซต์ ด้วย SEO ขั้นตอนการทำ SEO รับข้อมูลของลูกค้า นำมาวิเคราะห์เพื่อหา keyword และวิเคราะห์คู่แข่ง ใช้เวลา 1-2 วัน ปรับปรุงโครงสร้างภายในของเว็บไซต์เพื่อให้ได้ผลดีต่อการ ทำ SEO ใน keyword นั้นๆ ใช้เวลา 7 วัน สร้างลิ้งค์จากภายนอกของเว็บไซต์เพื่อให้ได้ผลดีต่ออันดับ ใช้เวลา 1-3 เดือน ติดตามผล และรายงานลูกค้าเป็นระยะจนได้อันดับตามที่ตกลง ดูแลรักษาอันดับต่ออีก จนครบกำหนด 1 ปี โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่ม

Network

www.becomz.com ให้บริการติดตั้งวางระบบเครือข่ายแลน LAN, WAN, Network อะไรบ้าง รับออกแบบติดตั้งวางระบบเครือข่ายแลน LAN, WAN, Network อย่างง่ายตามงบประมาณที่ท่านมีอยู่ เพื่อให้เกิดประสิทธิ์ภาพสูงสุด ทั้งระบบเครือข่าย LAN, WAN, Network แบบเดินสาย (Wire LAN) และแลนไร้สาย (Wireless LAN) รับออกแบบติดตั้งวางระบบเครือข่ายแลน LAN, WAN, Network แบบเต็มรูปแบบทั้งภายในและภายนอกอาคาร ทั้งเป็นการเดินสายภายในอาคารด้วยสาย UTP CAT5, CAT5e, CAT6 ที่จะรองรับเครือข่ายแบบ Giga Bps และสาย Fiber optic เพื่อเชื่อมระหว่างอาคาร พร้อมอุปกรณ์ Bridge เพื่อเพิ่มระยะการใช้งานของระบบเครือข่ายให้กว้างไกลมากขึ้น รับปรับปรุง เครือข่ายที่มีอยู่เดิม จัดเก็บสาย LAN ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยใช้ RACK 19” และ Patch Panel เพื่อทำให้ง่ายและสะดวกในการทำ Maintenance ระบบเครือข่ายต่อไป รับ Upgrade ระบบเครือข่ายแลน LAN, WAN, จากระบบ 10/100 Mbps เป็นระบบ Gbps โดยการจัดเปลี่ยนอุปกรณ์เครือข่าย Switch Router และอุปกรณ์ เครือข่ายที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อให้ระบบทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รับปรึกษาดูแล แก้ไข บำรุงรักษา ระบบเครือข่ายของท่านเป็นสัญญารายปี จัดหาอุปกรณ์ Access Point, Wireless, Switch, Manage Switch, ADSL Router, Firewall, Print Server ตั้งแต่สำนักงานขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ทั้งภายในและภายนอกอาคาร

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ รามคำแหง

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ไทย-พม่าชื่นมื่น ผู้นำ 2 ประเทศ เร่งเดินหน้าสานต่อความร่วมมือ


วันนี้( 7 พ.ย.)  ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายญาณ ทุน รองประธานาธิบดีสหภาพเมียนมาร์ เข้าเยี่ยมคารวะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงไทย-เมียนมาร์ เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ 1 ในฐานะประธานร่วมฝ่ายเมียนมาร์  โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานฝ่ายไทย
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า มีโอกาสได้พบกับนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์ ในการประชุม ASEM  ซึ่งประธานาธิบดีมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ทวาย และรับจะเร่งให้คณะทำงานร่วม ดำเนินการโดยเร็ว เช่นเดียวกับรัฐบาลไทยก็พร้อมผลักดันและสนับสนุนให้โครงการทวายเดินหน้าโดย เร็วที่สุด ซึ่งเชื่อมั่นว่าการประชุมในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีให้ทั้งสองฝ่าย ร่วมกันดำเนินโครงการสำคัญนี้ โดยในการประชุมนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นควรว่าจะต้องมีการจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้ชัดเจน เพื่อกำหนดโครงการในส่วนที่ควรเร่งดำเนินการตามที่เคยได้หารือกับ ประธานาธิบดีเมียนมาร์ไว้
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ไทยยังจะให้ความสำคัญในการพัฒนาชุมชนในพื้นที่อย่างเต็มที่ด้วย ทั้งนี้หวังว่าจะได้มีโอกาสพบหารือกับประธานาธิบดีเมียนมาร์ ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 21 ที่ประเทศกัมพูชา และอาจมีการแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับผลการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงใน ครั้งนี้ด้วย ซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีในการเชิญชวนประเทศที่มีศักยภาพและสนใจให้เข้ามามีส่วน ร่วม  ทั้งนี้ไทยยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือเพื่อการพัฒนาพื้นที่ชายแดน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งขณะนี้ไทยได้ดำเนินการซ่อมแซมสะพานมิตรพานแม่สอด-เมียวดี และกำลังพัฒนาถนนเมียวดี-กอกะเร็ก ซึ่งต้องขอบคุณเมียนมาร์ที่ได้อำนวยความสะดวก พร้อมขอการสนับสนุนจากรัฐบาลเมียนมาร์ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ ให้แก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งไทยกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการสร้างถนนต่อจากกอกะเร็กเชื่อมโยงไป ยังเมาะลำใยด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวว่า ภาคเอกชนไทยก็สนใจในเขตการพัฒนาอื่นๆในเมียนมาร์ด้วย โดยได้มอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปเยี่ยมชนพื้นที่ในโอกาสต่อไป ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ขอให้รองประธานาธิบดีเมียนมาร์ช่วยติดตามความคืบหน้าการ เปิดจุดผ่านแดนถาวรเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นการช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อประโยชน์ของชุมชนในพื้นที่  ขณะที่รองประธานาธิบดีเมียนมาร์ ได้กล่าวแสดงความมั่นใจว่า การเดินทางมาเยือนไทยในครั้งนี้จะเสริมสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดี ระหว่างทั้งสองประเทศ และมีความยินดีที่นักลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนชาวไทยสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในเมียนมาร์ ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในเมียนมาร์เป็นอันดับ  2 หรือร้อยละ 26.9 ซึ่งการเข้าไปลงทุนจะทำให้เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองประเทศ
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับรองประธานาธิบดีเมียนมาร์ ว่า ไทยยินดีที่จะมอบเครื่องผลิตไฟฟ้ากังหันแก๊สจากโรงงานไฟฟ้าหนองจอกและโรง ไฟฟ้าลาดกระบังไปติดตั้งที่กรุงย่างกุ้ง ซึ่งเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือด้านพลังงานดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศเมียนมาร์ โดยเฉพาะการเป็นเจ้าภาพกิจกรรมระหว่างประเทศที่สำคัญ อาทิ การเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ และการประชุม WEF เป็นต้น
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีและรองประธานาธิบดีเมียนมาร์ ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีมอบหนังสือแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการจัดตั้งกลไกคณะ กรรมการร่วมไทย-เมียนมาร์เพื่อการพัฒนาที่ครอบคลุมในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย และพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ระหว่างรมว.ต่างประเทศของไทย กับ รมว.อุตสาหกรรมเมียนมาร์

"จงรัก" ชี้ ข่าวการลอบสังหาร"แม้ว"มีมูล


วันนี้(7 พ.ย.)  ที่รัฐสภา พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ส.ว.สรรหา ในฐานะอดีตรอง ผบ.ตร.กล่าวถึงการจับกุมอาวุธสงครามบริเวณภาคเหนือจนโยงไปสู่ข่าวการลอบ สังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่จะเดินทางมายัง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ว่า  ข่าวการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีมูลหรือไม่ เป็นเรื่องความรู้สึกนึกคิดของบุคคล  ที่อาจมีความคิดเห็นแตกต่างออกไป แต่สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ  เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงในเรื่องนี้ อาจมีความเชื่อว่า อาจถูกลอบสังหารจริง เพราะที่ผ่านมาเคยถูกลอบสังหารมาแล้วหลายครั้ง จึงเชื่อว่ามีมูล ซึ่งเป็นธรรมดาที่คนเคยถูกปองร้ายก็จะต้องมีความระแวงสงสัยว่าอาจถูกปองร้าย อีก ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะเคยถูกลอบปองร้ายมาแล้ว เมื่อมีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นก็ย่อมเป็นธรรมดาที่จะต้องมีความสงสัยและเชื่อไปเช่นนั้น
 “เท่าที่ผมจำได้ ครั้งแรกที่มีการระเบิดเครื่องบิน  ของสายการบินไทยที่สนามบินดอนเมือง ผมได้รับการแต่งตั้งให้เข้าไปสอบสวนในเรื่องนี้ถ้าวันนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาขึ้นเครื่องตามหมายกำหนดการ ก็คงถูกระเบิดไปพร้อมเครื่องบิน  ไปแล้ว แต่เผอิญ พ.ต.ท.ทักษิณ แวะที่อื่นก่อนจึงเดินทางมาล่าช้ากว่ากำหนดเครื่องบินจึงระเบิดไปก่อน ผมเป็นคนเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นคนแรก พร้อมผู้เชี่ยวชาญของไทย และต่อมาก็มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาร่วมตรวจสอบสาเหตุระเบิดแต่ ในที่สุดคดีดังกล่าวก็ยุติลงไปโดยมีความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญว่าเครื่องบิน จอดตากแดดนานเกินไปจนเกิดความร้อนไปถึงถังน้ำมันเชื้อเพลิงจนเกิดระเบิด ขึ้น”พล.ต.อ.จงรักกล่าว  และว่าจึงเป็นที่เคลือบแคลงสงสัย เพราะตนเห็นเครื่องบินทั่วไปไม่ว่าที่ไหนใน  โลกก็จอดตากแดดกันทั้งนั้น ไม่เห็นระเบิดเลย โดยเฉพาะในประเทศแอฟริกาหรือตะวันออกกลางที่อากาศร้อนก็ยังไม่ได้ข่าวว่ามี การระเบิด
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวด้วยว่า จากนั้นก็มีข่าวการลอบวางระเบิด พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ ถนนจรัลสนิทวงศ์  เชิงสะพานซังฮี้ โดยใช้เครื่องจุดระเบิด กะระยะเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ    เดินทางออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้า ย่านบางพลัด แต่เผอิญ พ.ต.ท.ทักษิณออกจากบ้านก่อนกำหนด  คนร้ายจึงกระทำการไม่สำเร็จ เพราะไม่ตรงเวลาที่คาดการณ์ไว้ และนอกจากนั้นก็อาจมีเหตุการณ์  อื่น ๆ อีก ส่วนคนที่ไม่เคยถูกปองร้ายมาเลย นั่งอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ดูตอนเช้าก็อาจไม่เชื่อเพราะไม่เคยมีศัตรู และไม่มีส่วนได้เสียใด อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาดูเหตุการณ์ที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงน่าจะเป็นที่ยุติได้ว่าที่ผ่านมามีคนต้องการจะสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ จริง แต่ปัจจุบันนี้จะมีคนต้องการสังหารหรือไม่ ก็คงต้องติดตามผลการสืบสวนของผู้เกี่ยวข้องต่อไป

พยาบาล”ฮึ่มเคลื่อนไหวต่อไม่พอใจคำตอบ สธ.


วันนี้( 7 พ.ย.) ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังประชุมผู้เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรสาธารณสุข และตัวแทนเครือข่ายพยาบาลวิชาชีพลูกจ้างชั่วคราว กระทรวงสาธารณสุข ว่า พยายามหาตำแหน่งมาบรรจุให้ลูกจ้างชั่วคราว 11,000 ตำแหน่งที่ทำงานตั้งแต่ปี 2548-2550 ก่อน เริ่มตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย.ปีหน้าบรรจุได้ประมาณ 4,000 ตำแหน่งโดยพิจารณาตามลำดับความสำคัญของวิชาชีพที่ขาดแคลนในแต่ละโรงพยาบาล ส่วนที่เหลือจะพยายามคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ไม่ได้ทอดทิ้งจะหารูปแบบการจ้าง เช่น เป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข (ก.สธ.) มีสิทธิประโยชน์ สวัสดิการเหมาะสม ส่วนความไม่มั่นคงของการจ้างงานปีต่อปี ก็อาจปรับเป็น 5-10 ปี สามารถกู้เงิน ใช้หลักฐานไปติดต่อสถาบันการเงินได้ ค่าแรงก็เพิ่มขึ้น 120% ลาศึกษาต่อ  ลาหยุดได้ ขึ้นเงินเดือนทุกปี มีความก้าวหน้าในหน้าที่ ส่วนสวัสดิการครอบครัวจะพยายามหารูปแบบที่เหมาะสมให้
“ผมเข้าใจว่าน้อง ๆ ตกระกำลำบากมานาน เราพยายามหาทางออกให้อย่างดีที่สุด วินวินกันทุกคน เรื่องนี้ต้องเสร็จภายในเดือน พ.ย. นี้ คือได้ข้อตกลงที่จะเดินหน้าต่อ แต่การบรรจุเป็นข้าราชการต้องดูข้อบ่งชี้ว่าจะเลือกใครมาก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาเป็นเดือน ทั้งนี้จากการหารือน้องๆเห็นด้วยในหลักการ เพียงแต่ยังไม่เข้าใจว่าสวัสดิการที่ดีขึ้นคืออะไรก็ต้องไปคุยรายละเอียด กัน”นพ.ประดิษฐ กล่าว
นายสราวุฒิ ที่ดี ประธานเครือข่ายพยาบาลวิชาชีพลูกจ้างชั่วคราว กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า พยาบาลลูกจ้างชั่วคราวทุกคนต้องได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการทั้งหมด ถ้าเป็นพนักงาน ก.สธ. ต้องเป็นเหมือนกันทั้ง 21 สาขาวิชาชีพ  อย่างไรก็ตามในวันที่ 22 พ.ย. จะมีการประชุมสมาคมพยาบาลวิชาชีพแห่งเอเชียแปซิฟิก นำวิกฤติพยาบาลไทยมาเป็นข้อหัวในการหารือ และในวันดังกล่าวคงมีการประกาศยกระดับการต่อสู้ให้เข้มข้นขึ้น ตั้งแต่หยุดงานไปจนถึงการลาออก โดยได้ล่ารายชื่อพยาบาลลูกจ้างชั่วคราวสนับสนุน ล่าสุดมีผู้เห็นด้วยแล้ว 1 หมื่นราย
ด้าน นายศรีรัตน์ คงสิน ตัวแทนเครือข่ายพยาบาลวิชาชีพลูกจ้างชั่วคราว กล่าวว่า ถ้าได้ตำแหน่งข้าราชการมา 4,000 ตำแหน่งก็ต้องหารกันทุกวิชาชีพ คาดว่าพยาบาลได้พันกว่าตำแหน่ง คงไม่พอใจ  เพราะที่อยากได้คือ  1.7 หมื่นตำแหน่ง ส่วนการเป็นพนักงาน ก.สธ.นั้นต้องดูว่าเงื่อนไข ก.สธ.ได้อะไร ถ้าทุกวิชาชีพเป็น ก.สธ.ทั้งหมด พยาบาลก็รับได้ ไม่ใช่ว่าพยาบาลเป็น ก.สธ.แต่แพทย์ เภสัชกร เป็นข้าราชการคงรับไม่ได้เหมือนกัน.

รองปลัดกห. เผยส่งผลสรุปถอดยศ “มาร์ค” ให้ “สุกำพล” แล้ว


วันนี้ (7 พ.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม รายงานข่าวแจ้งว่า ภายจากที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการกรณีการบรรจุเข้ารับราชการ การขึ้นทะเบียนกองประจำการ และการแต่งตั้งยศ ร.ต.ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีพล.อ.ม.ล.ประสบชัย  เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานฯ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการฯได้ประชุม เพื่อตรวจสอบข้อกฎหมายและกฎระเบียบของกระทรวงกลาโหม ซึ่งได้ข้อสรุปว่า 1.นายอภิสิทธิ์ไม่ได้มารายงานตัวเพื่อตรวจเลือกการเกณฑ์ทหาร 2.ไม่ได้มีการขอผ่อนผันตามระเบียบ และ3.การเข้ารับราชการเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย จปร.นั้นไม่ถูกต้อง

 “ทางคณะกรรมการฯได้ข้อสรุปว่านายอภิสิทธิ์ใช้เอกสารไม่ถูกต้องสมัครเข้า รับราชการทหาร ดังนั้นจึงมีมติให้ใช้กฎกระทรวงกลาโหมดำเนินการถอดยศ ร.ต. ของนายอภิสิทธิ์ พร้อมทั้งพิจารณาเรียกเงินเดือนและสิทธิประโยชน์ทางราชการหรือเบี้ยหวัดคืน โดยได้ส่งเรื่องทั้งหมดไปให้ พล.อ.อ.สุกำพลแล้ว ขณะนี้กำลังรอให้พล.อ.อ.สุกำพลลงนามเท่านั้น
สำหรับการดำเนินการต่างๆที่ดูเหมือนทิ้งช่วงนั้น เพราะในกฎหมายระบุให้กระทรวงกลาโหมส่งหนังสือไปถึงผู้ถูกร้องคือนาย อภิสิทธิ์นำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงต่อคณะกรรมการฯภายใน 2 สัปดาห์ โดยทางคณะกรรมการฯได้แจ้งไปยังนายอภิสิทธิ์แล้ว แต่นายอภิสิทธิ์ก็ไม่ได้เข้ามาชี้แจงหรือส่งเอกสารหลักฐานมาให้คณะกรรมการฯ ตามระยะเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตามหลังจากที่พล.อ.อ.สุกำพล ได้ลงนามแล้วจะแถลงเรื่องนี้อีกครั้ง” แหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหม กล่าว

ด้านพล.อ.ม.ล.ประสบชัย กล่าวว่า ทางคณะกรรมการฯได้พิจารณาการเข้ารับเกณฑ์ทหาร การขอผ่อนผัน และการบรรจุเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย จปร. ว่าทั้งหมดถูกต้องหรือไม่ ซึ่งได้นำผลสรุปส่งให้ พล.อ.อ.สุกำพล เรียบร้อยแล้วคาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะมีความชัดเจนอีกครั้ง ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางคณะกรรมการฯให้โอกาสนายอภิสิทธิ์ทุกอย่าง เพื่อแสดงความถูกต้องโดยได้ทำหนังสื่อเชิญนายอภิสิทธิ์เข้าให้ข้อมูลต่อคณะ กรรมการฯ เนื่องจากนายอภิสิทธิ์เคยให้ข้อมูลกับสภาผู้แทนราษฎรหรือสถานที่ต่างๆและมี หลักฐานอยู่ของตนเองอยู่ก็ขอนำหลักฐานต่างๆดังกล่าวชี้แจงต่อคณะกรรมการฯ หรือจะส่งเอกสารมาก็ได้ เพื่อตรวจสอบดูว่าเอกสารของนายอภิสิทธิ์นั้นใช้ได้หรือไม่ แต่ทางนายอภิสิทธิ์ก็ไม่ได้มาชี้แจง และไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากรมว.กลาโหมลงนามในผลสรุปของคณะกรรมการฯ กรณีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้วนั้นผลสรุปจะถูกส่งไปยังกรมเสมียนตรา กระทรวงกลาโหม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายในการถอดยศและเรียกคืนเบี้ยหวัดทั้งหมดคือจากนาย อภิสิทธิ์ ตั้งแต่บรรจุเข้ารับราชการทหารวันแรก พร้อมทั้งกระทรวงกลาโหมจะส่งผลสรุปให้กับทางผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการต่อ ไปด้วย

ผีบุกหลอนบรากาลิ่ว16ทีมชปล.


    ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม H เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังของอังกฤษ มีคิวบุกไปเยือน บรากา ของ โปรตุเกส โดยเกมนี้ "ผีแดง" พัก โรบิน ฟาน เพอร์ซี ดาวยิงฟอร์มฮอต ไว้ข้างสนาม และส่ง ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ ลงเล่นเป็นหน้าเป้า

    ครึ่งแรกเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ครองเกมได้เหนือกว่า ขณะที่ บรากา พยายามโจมตีด้วยการโต้กลับ และมีโอกาสลุ้นประตูสวยๆ หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่คมพอที่จะส่งบอลผ่านมือ ดาวิด เด เคอา เข้าไปซุกก้นตาข่ายได้จบ 45 นาทีแรกสกอร์จึงยังอยู่ที่ 0-0

    เข้าสู่ครึ่งหลังได้เพียง 4 นาที เจ้าบ้านก็มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ จอนนี อีแวนส์ เข้าไปทำฟาวล์ใส่ คัสโตดิโอ และอลัน ก็สังหารเข้าไปไม่พลาด บรากา จึงออกนำก่อน 1-0 จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ไฟสนามดับจนเกมต้องหยุดหลายนาที และเมื่อกลับมาเล่นกันอีกครั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็แก้เกมด้วยการส่ง ฟาน เพอร์ซี ลงมาเล่นแทน แดนนี เวลเบ็ค ในนาทีที่ 64 ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเมื่อ "อาร์วีพี" ส่องให้ ปิศาจแดง ไล่ตามมาเป็น 1-1 ได้สำเร็จในนาทีที่ 80 ก่อนที่ เวย์น รูนีย์ และชิชาริโต จะมาบวกเพิ่มอีกคนละเม็ดในนาทีที่ 84 (จุดโทษ) และ90+2 ตามลำดับทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด พลิกกลับมาแซงชนะ บรากา อย่างสนุก 3-1

    จากชัยชนะนัดนี้ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มี 12 คะแนนเต็มจากการลงเล่น 4 นัดนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม H และสามารถตีตั๋วเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้แน่นอนแล้ว ส่วน บรากา มี 3 คะแนนจากการลงเล่นเท่ากันรั้งบ๊วย


สิงห์เปิดบ้านสอยชัคเตอร์
    กลุ่ม E เชลซี อีกหนึ่งตัวแทนจากเมืองผู้ดี ต้องลุ้นหนักทีเดียว ก่อนจะเปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ เฉือน ชัคเตอร์ โดเนสต์ค จากยูเครน ไปได้หวุดหวิด 3-2 โดย "สิงห์บลูส์" ได้ประตูจาก เฟร์นานโด ตอร์เรส นาทีที่ 6, ออสการ์ นาทีที่ 40 และวิคเตอร์ โมเซส นาทีที่ 90 ขณะที่ทีมเยือนแก้คืนได้จาก วิลเลียน ในนาทีที่ 9 และ47 ทำให้ เชลซี มี 7 คะแนนจาก 4 นัดนำเป็นจ่างฝูงของกลุ่ม E ขณะที่ ชัคเตอร์ มี 7 คะแนนจากการลงเล่นเท่ากันอยู่อันดับ 2

     ผลคู่อื่น กลุ่ม E ยูเวนตุส ชนะ นอร์เชลลันด์ 4-0,
     กลุ่ม F บาเยิร์น ชนะ ลีลล์ 6-1, บาเลนเซีย ชนะ บาเต 4-2,
     กลุ่ม G เบนฟิกา ชนะ สปาร์ตัก มอสโก 2-0, เซลติก ชนะ บาร์เซโลนา 2-1,
     กลุ่ม H คลูช แพ้ กาลาตาซาราย 1-3

“โอบามา” เข้าทำเนียบขาวทำงานต่อทันที


วันนี้ ( 8 พ.ย. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐเมริกาว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ เดินทางกลับเข้าทำงานยังทำเนียบขาวต่อทันที เมื่อวันพุธ หลังสามารถคว้าชัยชนะถล่มทลายในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ทำให้เขาครองเก้าอี้ผู้นำสหรัฐได้อีกหนึ่งสมัย โดยเรียกร้องขอความร่วมมือจากพรรครีพับลิกันในการทำงานเพื่อแก้ไขวิกฤต เศรษฐกิจที่เรื้อรังมานาน
โอบามา ซึ่งเดินทางกลับเข้าทำเนียบขาวพร้อมครอบครัว เมื่อช่วงดึกของวันพุธ ต่อโทรศัพท์สายตรงไปยังนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังพรรครีพับลิกันซึ่งโบห์เนอร์เป็นสมาชิก ครองเสียงข้างมากในสภาฯได้อีกหนึ่งสมัย เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในการหาแนวทางแก้ไขปัญหามาตรการ “ฟิสคอล คลิฟฟ์” หรือ “หน้าผาทางการคลัง”  ที่หมายถึงการปรับขึ้นภาษี และปรับลดงบประมาณรายจ่ายภาครัฐครั้งใหญ่ เพื่อเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะ ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ทันที ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. ปีหน้า หากรัฐบาลสหรัฐ และสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงลดรายจ่ายภาครัฐให้ได้ตามเป้า ซึ่งอาจทำให้สหรัฐต้องเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยอีกครั้ง
โอบามายังต่อสายตรงเพื่อร่วมหารือกับนายมิตช์ แม็คคอนเนล ผู้นำพรรครีพับลิกัน ซึ่งยังคงถือเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา ตลอดจนนายแฮรี ไรด์ ประธานวุฒิสภา สังกัดพรรคเดโมแครต และนางแนนซี เปโลซี ผู้นำเสียงข้างน้อยของพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อหารือในเรื่องเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม โบห์เนอร์ กล่าวว่า อาจใช้มาตรการ “ชั่วคราว” เพื่อจัดการปัญหาดังกล่าว ก่อนวันทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 21 ม.ค. 2556  ซึ่งเป็นแนวทางที่โอบามาไม่เห็นด้วยมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ โอบามาสร้างสถิติเป็นผู้นำสหรัฐคนแรก ในรอบ 70 ปี หลังอดีตประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี. รูสเวลต์ ที่ได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ขณะที่อัตราว่างงานในประเทศสูงกว่า 7.4% และเป็นผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตคนที่ 2 ถัดจากอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ที่ครองเก้าอี้ผู้นำสหรัฐ 2 สมัย นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
ขณะที่คณะกรรมการจัดการเลือกตั้งรัฐฟลอริดา ซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 29 เสียง เป็นรัฐสุดท้ายที่ยังไม่ประกาศผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ โดยโอบามามีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งอยู่ที่ 303 เสียง ชนะนายมิตต์ รอมนีย์ ผู้ท้าชิงจากพรรครีพับลิกันขาดลอย ทั้งนี้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งของรอมนีย์อยู่ที่ 206 เสียง.

แผ่นดินไหวกัวเตมาลาตายพุ่ง48ศพ


วันนี้ ( 8 พ.ย. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวเตมาลาซิตี ประเทศกัวเตมาลา จำนวนผู้เสียชีวิตล่าสุด จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรง 7.4 ริคเตอร์ นอกชายฝั่งกัวเตมาลา เมื่อวันพุธ ว่าเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 48 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 155 ราย และอิทธิพลรุนแรงของแผ่นดินไหวสร้างความเสียหายให้แก่อาคารบ้านเรือนจำนวน มาก
ประธานาธิบดีออตโต เปเรซ โมลินา แห่งกัวเตมาลา แถลงว่า พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยแรงสั่นสะเทือนสามารถรับรู้ได้ไกลถึงประเทศเอล ซัลวาดอร์ และกรุงเม็กซิโกซิตี ของประเทศเม็กซิโก ส่งผลให้มีการประกาศเตือนภัยสึนามิตลอดแนวชายฝั่งเอลซัลวาดอร์ ไปจนถึงตอนเหนือของเม็กซิโก
ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่ ติดอยู่ภายใต้ซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือน ใน 6 เขตของรัฐซาน มาร์กอส ที่อยู่ติดชายแดนเม็กซิโกห่างจากกรุงกัวเตมาลาซิตีไปทางตะวันตกราว 250 กิโลเมตร นอกจากนี้ มีรายงานผู้สูญหายแล้ว 100 คน และบ้านเรือนได้รับความเสียหายอย่างน้อย 131 หลัง
โมลินากล่าวด้วยว่า ทางการได้จัดตั้งศูนย์อพยพขึ้นแล้ว 11 แห่ง สามารถรองรับประชาชนได้รวมกันราว 800 คน ขณะที่รายงานของกระทรวงพลังงานระบุว่า บ้านเรือนราว 73,000 หลังตกอยู่ในภาวะขาดแคลนกระแสไฟฟ้าแล้ว
สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ ( ยูเอสจีเอส ) รายงานว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.35 น. ตามเวลามาตรฐานสากล ( 23.35 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) มีจุดศูนย์กลางลึกลงไปใต้พื้นดิน 41.6 กิโลเมตร ห่างจากรัฐแชมเปอร์ริโกไปทางตอนใต้ราว 24 กิโลเมตร และห่างจากกรุงกัวเตมาลาซิตีไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 163 กิโลเมตร
ด้านสำนักงานวิทยาแผ่นดินไหวเม็กซิโกรายงานว่าเกิดแผ่นดินไหวตาม ( อาฟเตอร์ช็อค ) อย่างน้อย 35 ครั้ง วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.3 ริคเตอร์ ห่างจากเมืองซิวดัดฮิดัลโก ในรัฐเชียปัส ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 68 กิโลเมตร และทำให้ทางการกรุงเม็กซิโกซิตีต้องประกาศระงับให้บริการระบบรถไฟใต้ดินเป็น การชั่วคราว
แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.6 ริคเตอร์ เขย่าพื้นที่ประเทศคอสตาริกา เมื่อ 2 เดือนก่อน อย่างไรก็ดี ไม่มีรายงานความเสียหายรุนแรง รวมถึงผู้เสียชีวิต หรือผู้ได้รับบาดเจ็บ.

เตรียมออกหมายจับคนบงการสั่งตายนายกเล็กสงขลา


ความคืบหน้าเหตุคนร้ายใช้ปืนสงครามทั้งเอ็ม16 และคาร์บินยิงถล่ม นายพีระ ตันติเศรณี อายุ 54 ปี นายกเทศมนตรีนครสงขลา เสียชีวิตอย่างอุกอาจเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา หน้าร้านสงขลาฟอรั่ม ในเขตเทศบาลนครสงขลา ขณะไปร่วมประชุมติดตามปัญหาการย้ายที่ตั้งสารกัมมันตรังสีออกจากตัวเมือง สงขลา
ความคืบหน้า ในวันนี้ ( 8 พ.ย.) เจ้าหน้าที่พบรถกระบะคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุแล้ว โดย พ.ต.อ.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา พร้อมด้วย พ.ต.ต.ธเนศ พงษ์รอด สว.สส.สภ.เมืองสงขลา ได้ติดตามแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดตั้งแต่จุดเกิดเหตุไปตามเส้นทางที่คนร้าย ขับรถหลบหนี พบรถกระบะคนร้ายไปจอดอยู่ภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ เลขที่ 497/22 ถนนสงขลาพลาซ่า เขตเทศบาลนครสงขลา
เป็นรถปิกอัพโตโยต้าไฮลักซ์ 4 ประตู สีบรอนซ์เงิน เลขทะเบียน ฌณ 6900 กรุงเทพมหานคร  จากการตรวจค้นพบหลักฐานสำคัญเป็นปลอกกระสุนปืนคาร์บินตกอยู่ 1 ปลอก รวมทั้งหมวกไหมพรมสีเทา 1 ใบและถุงมืออีก 1 ข้าง ตกอยู่ในโรงรถ เจ้าหน้าที่จึงมั่นใจว่าเป็นรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุแน่นอน โดยขับมาจอดไว้ในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ เพื่อเปลี่ยนรถคันใหม่เพื่อหลบหนีไป โดยคาดว่าคนร้ายที่ร่วมสังหารมี 3-4 คน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่วิทยาการ จ.สงขลาได้เก็บลายนิ้วมือแฝงทั้งในและนอกตัวรถไว้เป็นหลักฐาน เพื่อนำไปสู่การหาเบาะแสของคนร้าย พร้อมกันพื้นที่ภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอเป็นเขตหวงห้าม ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปเด็ดขาด เพื่อป้องกันการทำลายหลักฐานภายในรถ โดยจัดกำลังตำรวจพร้อมไฟส่องสว่างเฝ้าในช่วงกลางคืนด้วย แต่คาดว่าป้ายทะเบียนรถน่าจะเป็นป้ายปลอม ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าใครเป็นผู้ครอบครอง
สำหรับสถานีวิทยาสมิหลาเรดิโอแห่งนี้เป็นของ นายกิตติ ชูช่วย อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครสงขลา หัวหน้าทีมสงขลาพัฒนา คู่แข่งของนายพีระ หัวหน้าทีมสงขลาใหม่ ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา และยังเป็นน้องชายนายอุทิศ ชูช่วย  นายกอบจ.สงขลา  โยขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาให้ปากคำ
ล่าสุดจากแนวทางการสืบสวนตำรวจมั่นใจว่า ประเด็นที่นำไปสู่การสังหารครั้งนี้มาจากการเมืองท้องถิ่น  เนื่องจากเดือนต.ค. 56 นายกอบจ.สงขลาจะหมดวาระ โดยขณะนี้นายนิพนธ์  บุญญามณี ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ประกาศตัวแล้วว่าจะลงสมัครด้วย  ซึ่งนายพีระถือเป็นหัวคะแนนของนายนิพนธ์ ประกอบกับในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครสงขลาที่ผ่านมา  นายอุทิศเคยนั่งเก้าอี้นี้มาก่อนโดยมีนายพีระเป็นรองนายกฯ  ก่อนจะแตกหักกัน
โดยตำรวจพบว่าผู้เกี่ยวข้องในการสังหารครั้งนี้มีไม่ต่ำกว่า 5 คน ใช้รถยนต์ 2 คัน คันแรก เป็นรถชี้เป้า คันที่ 2 เป็นคันที่ใช้สังหาร มีการสั่งมือปืนมาจากจ.พัทลุงที่จะมีกลุ่มมือปืนใช้ปืนคาร์บิน  เนื่องจากในพื้นที่ จ.สงขลาไม่มีปืนคาร์บิน  โดยตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนาก่อนเพื่อเตรียมออกหมายจับ ผู้บงการ 1 คนประมาณวันที่ 9 พ.ย.นี้.